ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเรือดำน้ำชั้น Blacksword Barracuda

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ทางการเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศผลการคัดเลือกเรือดำน้ำชั้น Blacksword Barracuda สำหรับโครงการเรือดำน้ำทดแทนเรือชั้น Walrus ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่เป็นที่สนใจของผู้ที่ติดตามข่าวทางทหาร เนื่องจากเป็นการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตเรือดำน้ำชั้นนำ 3 ประเทศของยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส, เยอรมนี, และสวีเดน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการประกาศผลการคัดเลือกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับแบบเรือดำน้ำชั้น Blacksword Barracuda ที่ได้รับการคัดเลือก ทั้งจากฝั่งทางการเนเธอร์แลนด์และจากบริษัท Naval Group ของฝรั่งเศส มีเพียงเวบไซต์ Mer et Marine  ที่เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการออกมา

ข้อมูลจาก Mer et Marine ระบุว่าเรือดำน้ำชั้น Blacksword Barracuda เป็นแบบเรือเฉพาะที่ไม่ใช่ทั้งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้น Barracuda ที่มีใช้งานใน ทร.ฝรั่งเศส และเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าชั้น Scorpene ที่เป็นแบบเรือรุ่นส่งออก อีกทั้งยังมีความแตกต่างจากเรือดำน้ำชั้น Shortfin Barracuda ที่ฝรั่งเศสเคยเสนอให้กับออสเตรเลียก่อนจะถูกยกเลิกโครงการค่อนข้างมากจนอาจเรียกได้ว่าเป็นแบบเรือใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในส่วนของขนาดตัวเรือ มีความน่าสนใจว่าเรือดำน้ำชั้น Blacksword Barracuda มีความยาว 82 ม. สั้นกว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้น Barracuda และเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าชั้น Shortfin Barracuda กับมีเส้นผ่าศูนย์กลางตัวเรือทนความดัน 8.2 ม. ซึ่งเล็กกว่าเรือดำน้ำชั้น Shortfin Barracuda 60 ซม. และเล็กกว่าเรือดำน้ำชั้น Walrus ประมาณ 20 ซม. ซึ่งอาจฟังดูไม่มากนัก แต่ก็ส่งผลต่อพื้นที่ใช้สอยและการจัดวางอุปกรณ์ภายในเรือที่จะมีความแตกต่างไปจากเรือดำน้ำชั้น Barracuda และ Shortfin Barracuda

นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงระบบขับเคลื่อนนิวเคลียร์เป็นดีเซลไฟฟ้ายังทำให้มีความแตกต่างในส่วนของสมดุลน้ำหนักภายในเรือ รวมถึงการจัดการพลังงานที่มีจำกัดกว่าระบบขับเคลื่อนนิวเคลียร์

ทางด้านเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของระบบขับเคลื่อนดีเซลไฟฟ้า บริษัท Naval Group ใช้เครื่องยนต์ MTU ของเยอรมนีในเรือดำน้ำชั้น Scorpene และ Shortfin Barracuda โดยในข้อมูลระบุว่าเรือดำน้ำชั้น Blacksword Barracuda จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล MTU 4000 รุ่นใหม่ล่าสุดของเยอรมนีจำนวน 4 เครื่อง เท่ากับเรือดำน้ำชั้น Shortfin Barracuda แต่จากขนาดเรือที่ลดลงมาทำให้ดูจะเกินความจำเป็น กับมีความแตกต่างที่สำคัญคือเรือดำน้ำชั้น Barracuda กับ Shortfin Barracuda ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบ Pump Jet ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าที่รอบความเร็วสูง ในขณะที่เรือดำน้ำชั้น Blacksword Barracuda จะใช้ใบจักรขับเคลื่อนแบบธรรมดา รวมถึงจะไม่มีการติดตั้งระบบ AIP แต่จะมีเพียงแบตเตอรี่ Lithium เป็นแหล่งพลังงานหลัก

ในส่วนของระบบอาวุธ ทร.เนเธอร์แลนด์มีความคุ้นเคยกับตอร์ปิโด Mk 48 และมีความต้องการอาวุธปล่อยนำวิถึโจมตีฝั่งระยะไกล Tomahawk แต่จากโครงการเรือดำน้ำชั้น Shortfin Barracuda ของออสเตรเลียมีหนึ่งในอุปสรรคสำคัญคือการที่สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้ข้อมูลระบบอาวุธกับฝรั่งเศส ส่วนฝรั่งเศสก็ไม่ต้องการให้ข้อมูลระบบอำนวยการรบกับสหรัฐฯ ทำให้ต้องใช้ “กล่องดำ” มาเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างระบบอาวุธกับระบบอำนวยการรบ รวมถึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงระบบอาวุธเป็นตอร์ปิโด F21 และอาวุธปล่อยนำวิถี MdCN ของฝรั่งเศส

ท้ายสุดในด้านความเป็นอยู่ เรือดำน้ำชั้น Blacksword Barracuda จะใช้กำลังพลประจำเรือ 35-40 นาย และมีเตียงสำรองอีก 16 เตียงสำหรับชุดปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาจากเรือดำน้ำชั้น Walrus ที่ไม่มีเตียงสำรองสำหรับชุดปฏิบัติการพิเศษที่เดินทางไปกับเรือ

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีในปัจจุบันยังไม่ใช่ข้อมูลที่เปิดเผยเป็นทางการจากกระทรวงกลาโหมเนเธอร์แลนด์หรือบริษัท Naval Group ซึ่งคงต้องติดตามต่อไปว่าเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอย่างเป็นทางการแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากข้อมูลเบื้องต้นนี้หรือไม่

ที่มา – https://marineschepen.nl/nieuws/Wat-we-nu-weten-over-de-nieuwe-Nederlandse-onderzeeboten-160324.html

Leave a comment